เกี่ยวกับโครงการ วมว.




ตราสัญลักษณ์โครงการ วมว.

         ตราสัญลักษณ์ของโครงการสนับสนุนการจัดตั้งห้องเรียนวิทยาศาสตร์ในโรงเรียน โดยการกำกับดูแลของมหาวิทยาลัย (โครงการ วมว.) ประกอบด้วยตราสัญลักษณ์โครงการ (แบบเดิม) สีเหลืองหมายถึง วิทยาศาสตร์ สีประจำพระองค์รัชกาลที่ 9เป็นสีที่ตามองเห็นได้ชัดเจน และดีที่สุดจากที่ไกล ๆ และกระตุ้นเร้าให้คนใช้ปัญญา และเกิดการอยากเรียนรู้ เป็นสีแห่งความเฉลียวฉลาด ความรอบรู้ มุ่งมั่นตั้งใจและรวดเร็วในการคิด ซึ่งแสดงถึงการเป็นผู้มีความเจริญรุ่งเรืองทางปัญญาความรู้อย่างมีเหตุผล สีแสดหมายถึง สีประจำพระองค์รัชกาลที่ 4 เป็นสีที่แสดงถึงแรงบันดาลใจเต็มเปี่ยม และพลังในการพัฒนาและการใช้ประโยชน์จากวิทยาศาสตร์ สีน้ำ เงิน หมายถึงนวัตกรรม พระมหากษัตริย์ ความมีอัจฉริยภาพ ความเป็นผู้นำ การพัฒนาความคิดสร้างสรรค์ และก่อกำเนิดสิ่งที่มีคุณค่าใหม่ๆ สีเขียว หมายถึง สิ่งแวดล้อม ความเป็นธรรมชาติ และการเจริญเติบโต แสดงถึงการใช้วิทยาศาสตร์ในการพัฒนาควบคู่กับการดำรงระบบนิเวศที่ต้องอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม และความเป็นธรรมชาติให้มากที่สุด สัญลักษณ์โครงการ (แบบเดิม) อยู่บนพื้นวงกลมสีขาวขอบสีดำ ล้อมรอบด้วยชื่อหน่วยงานที่ดูแลโครงการ และชื่อโครงการ องค์ประกอบทั้งหมดอยู่ในพื้นรอบวงกลมสีทองและขอบสีดำ ซึ่งอยู่ขอบนอกสุดของตราสัญลักษณ์ ดังแสดงตามภาพประกอบนี้

ความเป็นมาของโครงการ

         การพัฒนาความรู้ทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีนั้น จำเป็นต้องอาศัยการวิจัยและพัฒนาเพื่อสร้างฐานความรู้ที่เข้มแข็งให้กับประเทศ และในขณะ เดียวกันกำลังคนของประเทศจำเป็นต้องได้รับการพัฒนาควบคู่กันไปด้วย โดยเฉพาะกลุ่มนักวิจัยซึ่งเป็นกำลังหลักในการขับเคลื่อนกิจกรรมวิจัยและพัฒนา สำหรับประเทศไทยหากเปรียบเทียบจำนวนบุคลากรวิจัยและพัฒนากับประเทศที่ใช้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเป็นกลไกขับเคลื่อนเศรษฐกิจดังเช่น ญี่ปุ่น เกาหลี ไต้หวัน ถือได้ว่ายังมีปริมาณที่น้อยมาก ในปี 2546 ประเทศไทยมีบุคลากรด้านการวิจัยและพัฒนา กรณีเทียบเป็นการทำงานเต็มเวลาเพียง 42,379 คน-ปี ในขณะที่ญี่ปุ่นมี 857,000 คน-ปี เกาหลี มี 186,000 คน-ปี ไต้หวัน มี 120,000 คน-ปี ทั้งนี้การเพิ่มจำนวนบุคลากรวิจัยและพัฒนาต้องอาศัยระยะเวลาในการดำเนินการค่อนข้างมาก จำเป็นต้องทำอย่างต่อเนื่อง และต้องเริ่มดำเนินการตั้งแต่ในระบบการศึกษาเพื่อเตรียมฐานกำลังคนสำหรับอนาคต ดังนั้นในระบบการศึกษาจึงจำเป็นต้องมีกลไกสนับสนุนเพิ่มเติมจากการศึกษาแบบทั่วไป เพื่อให้ผู้เรียนที่มีศักยภาพทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีได้รับการพัฒนาอย่างถูกทางและเหมาะสม ส่งเสริมให้อัจฉริยภาพที่มีอยู่เบ่งบานอย่างเต็มที่ และพัฒนาไปเป็นนักวิจัยที่มีคุณภาพต่อไปในอนาคต โดยจัดการศึกษาที่เฉพาะเจาะจงตั้งแต่ระดับมัธยมศึกษาตอนปลายในรูปแบบของห้องเรียนวิทยาศาสตร์ โรงเรียนวิทยาศาสตร์ รวมทั้งจัดกิจกรรมส่งเสริมประสบการณ์ทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของผู้เรียนอย่างต่อเนื่อง ซึ่งปัจจุบันมีการดำเนินการอยู่บ้างแล้ว อาทิ ในรูปแบบโรงเรียนมีโรงเรียนมหิดลวิทยานุสรณ์ เป็นโรงเรียนวิทยาศาสตร์เพียงแห่งเดียวของประเทศ รับนักเรียนได้เพียง 240 คน/ปี ในขณะที่การทำห้องเรียนวิทยาศาสตร์ และกิจกรรมเสริมอื่นๆ ยังทำได้ในปริมาณที่น้อยมาก ส่งผลให้นักเรียนที่มีศักยภาพด้านวิทยาศาสตร์ที่อยู่ในระบบไม่ได้รับการส่งเสริมอย่างเต็มที่จนถูกดึงความสนใจให้ไปศึกษาในสาขาอื่นแทน ซึ่งในระยะยาวจะเป็นอุปสรรคสำคัญต่อการสร้างฐานกำลังคนทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี อันจะนำไปสู่การยกระดับความสามารถทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีและการเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศได้ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ในฐานะหน่วยงานที่มีภารกิจด้านการพัฒนากำลังคนทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของประเทศ ได้เล็งเห็นว่ากลไกการพัฒนาอัจฉริยภาพทางวิทยาศาสตร์ในระดับเยาวชนที่เป็นอยู่ในปัจจุบันนั้น ไม่เพียงพอต่อการสร้างฐานกำลังคนทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีให้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจนถึงระดับที่เป็นมวลวิกฤต (Critical mass) ได้ จำเป็นต้องมีกลไกมาสนับสนุนเพื่อส่งเสริมให้เกิดระบบการจัดการศึกษาที่เอื้อต่อการสร้างกำลังคนทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดยถือเป็นการดำเนินการร่วมกันของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และกระทรวงศึกษาธิการ การดำเนินงานโครงการสนับสนุนการจัดตั้งห้องเรียนวิทยาศาสตร์ในโรงเรียน โดยการกำกับดูแลของมหาวิทยาลัย เป็นการสนับสนุนการจัดทำหลักสูตรห้องเรียนวิทยาศาสตร์สำหรับนักเรียนมัธยมศึกษาตอนปลายที่มีความสามารถพิเศษทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของโรงเรียนที่มีศักยภาพและความพร้อม โดยมีมหาวิทยาลัยเป็นผู้กำกับดูแลหลักสูตร การจัดการเรียนการสอนของห้องเรียนวิทยาศาสตร์ และให้การสนับสนุนการจัดการศึกษา กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี จึงได้กำหนดเลือกมหาวิทยาลัยที่มีคณะและภาควิชาทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ซึ่งมีศักยภาพและความพร้อมเพื่อเป็นมหาวิทยาลัยนำร่องดำเนินการในเรื่องนี้ ตั้งแต่ปีการศึกษา 2551 ซึ่งมีโรงเรียนเครือข่ายหรือโรงเรียนในกำกับ 4 แห่ง เข้าร่วมโครงการ ดังนี้
                 1. มหาวิทยาลัยเชียงใหม่-โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยเชียงใหม่
                 2. มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์-โรงเรียน มอ.วิทยานุสรณ์
                 3. มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี-โรงเรียนราชสีมาวิทยาลัย
                 4. มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี-โรงเรียนดรุณสิกขาลัย
         โดยในปีการศึกษา 2553 มีมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี-โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัย สงขลานครินทร์ และปีการศึกษา 2554 มีมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน-โรงเรียนสาธิตแห่งมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน และมหาวิทยาลัยขอนแก่น-โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยขอนแก่น เข้าร่วมดำเนินโครงการเพิ่มเติม

วัตถุประสงค์


    • สนับสนุนการสร้างฐานกำลังคนทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่มีศักยภาพตั้งแต่ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย โดยร่วมมือกับโรงเรียนและมหาวิทยาลัย
    • สนับสนุนการจัดการศึกษาสำหรับผู้เรียนที่มีความสามารถพิเศษทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และขยายฐานการศึกษาออกไปในวงกว้าง
    • ทางเครือข่ายความร่วมมือระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนากำลังคนด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

ผลที่คาดว่าจะได้รับ


    • นักเรียนใหม่ระดับมัธยมศึกษาตอนปลายที่ได้รับการส่งเสริมอัจฉริยภาพด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีอย่างถูกทางและเหมาะสม เพื่อเป็นฐานกำลังคนที่จะพัฒนาไปเป็นนักวิจัยในอนาคต
    • ขยายฐานการศึกษาสำหรับนักเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนปลายที่มีความสามารถพิเศษทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีออกไปในวงกว้าง และนำไปสู่ระบบการผลิตกำลังคนทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่มีความเข้มแข็ง
    • เกิดเครือข่ายความร่วมมือในการส่งเสริมการศึกษาด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีสำหรับผู้มีความสามารถพิเศษฯ ระหว่างกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โรงเรียน และมหาวิทยาลัย

ช่วงการเปิดรับสมัครเข้าเรียนในโครงการ วมว.


    - เปิดรับสมัคร ตั้งแต่ 1 -31 สิงหาคม ของทุกปี
    - สอบคัดเลือกนักเรียนรอบแรกช่วงเดือน พฤศจิกายน ของทุกปี
    - เปิดเลือกห้องเรียนช่วงเดือน ธันวาคม ของทุกปี
    - สอบคัดเลือกรอบสองช่วงเดือน มกราคม ของทุกปี